กรีนเอล เบียร์เป็นประเพณีที่มีมานานหลายศตวรรษสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเบียร์ พันธุ์หลักและวิธีการดื่ม

ในความคิดของคนรักเบียร์ในประเทศส่วนใหญ่ มีความเชื่อกันโดยทั่วไปว่านี่คือเครื่องดื่มกึ่งลึกลับบางชนิดที่เลเปรอคอนชาวไอริชและฮอบบิทขนดกต้มในโรงเบียร์เล็ก ๆ ซึ่งโทลคีนเล่าให้คนทั้งโลกฟังในหนังสือของเขา ใช่ โจรสลัดลายแถบต่าง ๆ ชอบดื่มบนเรือระหว่างการเดินทางพร้อมกับเหล้ารัม และผู้ที่ชื่นชอบเครื่องดื่มที่มีฟองอย่างแท้จริงมักจะตกตะลึงเมื่อถูกถามเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างเบียร์กับเบียร์ธรรมดา

เราเสนอให้ทำความเข้าใจปัญหานี้โดยระบุจุด i’s ทันทีและเพื่อทั้งหมด ในการทำเช่นนี้ก่อนอื่นคุณควรหันไปใช้เทคโนโลยีการผลิตเบียร์โดยตรง

ดังที่เกือบทุกคนรู้ดีว่าเพื่อให้ได้เบียร์จากน้ำจำเป็นต้องดำเนินการตามข้อบังคับหลายประการซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ มีสองประเภท:

• – เมื่อยีสต์ขึ้นสู่ผิวน้ำระหว่างกระบวนการ;
• และ – เมื่อจุลินทรีย์เหล่านี้จมลงสู่ก้นบ่อ;

ตามตัวเลือกข้างต้น ผลิตภัณฑ์ผลลัพธ์จะได้รับความแตกต่างบางประการ ซึ่งบางส่วนมีความสำคัญสำหรับ ผู้ใช้โดยตรง. นอกจากนี้นอกจากความแตกต่างในด้านคุณสมบัติแล้ว และเบียร์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

• เบียร์เรียกว่า "" ;
• ก เบียร์จัดเป็น "เอล" .

ดังนั้น, เราสามารถให้คำตอบที่ถูกต้องแม่นยำสำหรับคำถามที่ว่าเอลแตกต่างจากเบียร์อย่างไร - ไม่มีอะไรเลยอย่างแน่นอน . - นี่คือเบียร์ แต่เบียร์ดังกล่าวจัดทำขึ้นโดยใช้ยีสต์ชนิดพิเศษ

คำตอบนี้หลายๆ คนคงแปลกใจ บางคนถึงกับแนะนำว่าประโยชน์หรือผลเสียต่อร่างกายจากการดื่มเบียร์มีมากกว่าเบียร์ประเภทปกติมาก ค่อนข้างเป็นไปได้ที่บางคนจะเกิดแนวคิดว่าการขี่ยีสต์เกิดขึ้น สิ่งมีชีวิตที่เป็นอันตราย(แย่กว่าผลิตภัณฑ์จีเอ็มโอใดๆ) เพาะพันธุ์โดยนักวิทยาศาสตร์บ้าในห้องทดลองพิเศษ อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับความเป็นจริงเลย

พวกเขาถูกผลักออกไปอย่างมากในศตวรรษที่ 20 น่าเสียดายที่สิ่งนี้นำไปสู่รสชาติเบียร์ที่ซ้ำซากจำเจในท้ายที่สุดด้วยเบียร์หลากหลายชนิดจากโรงเบียร์ต่างๆ เฉพาะในบริเตนใหญ่เท่านั้นที่เป็นที่ต้องการแบบดั้งเดิมแม้จะมีแนวโน้มทั่วโลกก็ตาม

ขณะเดียวกันในรัสเซียก็ซื้อเข้ามา ร้านขายของชำเบียร์ค่อนข้างซับซ้อนเมื่อไม่กี่ปีก่อน มีความเห็นซึ่งยังคงมีอยู่ในหัวบางคนในปัจจุบันว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะปรุงอาหารในประเทศของเรา โชคดีที่สถานการณ์ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นและ วันนี้คุณสามารถซื้อได้อย่างอิสระในซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดกลางและขนาดใหญ่และตำนานเกี่ยวกับผู้ผลิตเบียร์รัสเซียที่ไม่เหมาะสมก็ถูกกำจัดออกไปในทางปฏิบัติ

เราไม่สามารถพูดถึงสิ่งที่แย่กว่าหรือดีกว่าได้ - ทั้งสองประเภทต้องมีอยู่และทำให้เราพึงพอใจกับวิธีแก้ปัญหาและรสนิยมใหม่ ๆ ยัง มีความแตกต่างบางประการที่คนรักเบียร์ทุกคนควรทราบ:

1. อุดมไปด้วยเอสเทอร์มากขึ้น เช่นเดียวกับรสชาติรองและสารประกอบอะโรมาติกอื่นๆ ทำให้มีรสชาติที่เข้มข้นยิ่งขึ้น ก็ควรใช้เมื่อไรมากขึ้น อุณหภูมิสูง , ยังไง . อุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 12 ถึง 16°C ;

เรารู้อะไรเกี่ยวกับเอล? บางคนเชื่อว่าชื่อนี้เป็นคำพ้องของคำว่า "เบียร์" บางคนเชื่อว่าเบียร์เป็นเครื่องดื่มฟองข้าวบาร์เลย์ประเภทหนึ่ง และบางคนก็มั่นใจว่าเพลงบัลลาดอันไพเราะของ Stevenson (แปลโดย Marshak) เป็นเรื่องเกี่ยวกับเบียร์เอลไอริช โปรดจำไว้ว่า: “และพระองค์ทรงหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้ง เมายิ่งกว่าเหล้าองุ่น...”? สตีเวนสันอธิบายว่าเบียร์เอลนี้ผลิตโดยคนแคระในถ้ำที่สร้างจากต้นเฮเทอร์บนภูเขา จริงๆ แล้วมันเป็นอย่างไรบ้าง? เรามาเรียนรู้เกี่ยวกับ เรื่องราวที่น่าสนใจเบียร์ - ไอริชดั้งเดิมและ เครื่องดื่มสก็อต. เราลองที่นี่ได้ไหม? เขามีเบียร์ประเภทใดบ้างในบ้านเกิดของเขาและในประเทศอื่น ๆ ที่มีการพัฒนาวัฒนธรรมการผลิตเบียร์แบบดั้งเดิม?

ประวัติความเป็นมาของเครื่องดื่ม

ตอนนี้ใครๆ ก็รู้แล้วว่าเบียร์ผลิตจากฮ็อป ข้าวบาร์เลย์ (บางครั้งก็เป็นข้าวสาลีหรือข้าว) มอลต์และน้ำ แต่มันก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป เชื่อกันว่าความลับของเบียร์ถูกค้นพบโดยชาวสุเมเรียนโบราณเมื่อห้าพันปีก่อน แต่พวกเขาต้มโดยไม่ใช้ฮ็อป กระบวนการทำเครื่องดื่มใช้เวลาไม่นานเหมือนตอนนี้ มอลต์ที่ไม่มีฮ็อปจะหมักเร็วกว่า แต่เครื่องดื่มกลับมีรสหวานกว่า เพื่อเพิ่มความขมอันเป็นที่ชื่นชอบและปรับสมดุลของรสชาติ จึงเริ่มเติมฮ็อปลงในเบียร์ แต่พืชชนิดนี้ไม่เป็นที่รู้จักจนกระทั่งศตวรรษที่ 15 เมื่อเริ่มนำเข้าจากฮอลแลนด์ ในความสัมพันธ์กับเครื่องดื่มใหม่ที่ชงด้วยการเติมฮอปคำว่า "เบียร์" ถูกนำมาใช้และสำหรับเครื่องดื่มแบบดั้งเดิม - "เบียร์" (เบียร์) นอกจากเทคโนโลยีแล้วยังแตกต่างจากที่เรารู้จักอีกด้วย เครื่องดื่มข้าวบาร์เลย์รสชาติด้วย เบียร์เอลอังกฤษ สก็อตแลนด์ และไอริชเป็นที่รู้จัก แต่ตอนนี้ก็มีการผลิตในเบลเยียมและเยอรมนีด้วย

เทคโนโลยี

เราจะไม่ลงรายละเอียดที่ไม่จำเป็นที่นี่ มาติดตามกันได้เลย โครงการทั่วไปการผลิต. ต่างจากลาเกอร์ที่มีรสขมแต่ยังไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์ ความหวานของมอลต์ (เมล็ดงอกและหมัก) ค่ะ เครื่องดื่มโบราณไม่ใช่ฮ็อพที่ทำให้สมดุล แต่เป็นส่วนผสมของเครื่องเทศและสมุนไพรที่เรียกว่ากรูอิท มันถูกต้มในสาโท เมื่อสุกแล้วยีสต์จะไม่จมลงด้านล่าง แต่จะลอยอยู่บนพื้นผิว เบียร์ไอริชถูกปล่อยให้หมักที่อุณหภูมิห้อง 15-24 องศาเซลเซียส เบียร์ลาเกอร์จะถูกเก็บในที่เย็น (5-10 องศาเซลเซียส) และยีสต์ในเบียร์จะจมลงไปที่ก้นถัง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเอลจึงถูกเรียกว่าเบียร์หมักชั้นยอด แต่ถึงแม้จะบรรจุขวดในถัง เครื่องดื่มนี้ก็ไม่มีวันสุกงอม เติมน้ำตาลเล็กน้อยเพื่อดำเนินกระบวนการหมักต่อ ทั้งรสชาติและความแรงของมันเปลี่ยนไปตามระยะเวลาที่ดื่ม จากนั้นจึงบรรจุขวดเพื่อหยุดกระบวนการสะสมแอลกอฮอล์

ลักษณะเครื่องดื่ม

ที่อุณหภูมิสูง กระบวนการหมักจะเร็วกว่าเบียร์ลาเกอร์ชนิดเดียวกัน และมีความรุนแรงมากกว่ามาก หากไม่มีความขมของฮ็อพด้วยการเติมสมุนไพรเครื่องดื่มจะมีรสหวานมากขึ้นพร้อมรสชาติผลไม้ที่เข้มข้น อาจเป็นกลิ่นหอมของลูกพรุน กล้วย สับปะรด ลูกแพร์ หรือแอปเปิ้ล ผลจากการที่เครื่องดื่มถูกปล่อยให้สุกในถัง ทำให้กลายเป็น "เหล้ามากกว่าไวน์" ใบ้ไอริชแข็งแกร่งแค่ไหน? เช่นเดียวกับไวน์ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการบ่ม คนขนของ ตั้งชื่อเพราะว่าคนขนยาวชอบความแข็งแกร่งของมัน โดยประกอบด้วยแอลกอฮอล์ 10% และไวน์ข้าวบาร์เลย์มีทั้งหมด 12 ชนิด ในขณะเดียวกันก็ยังมีอีกมากมาย เครื่องดื่มอ่อน ๆ: ซอฟท์หรือไลท์เอล (2.5-3.5%) แต่สิ่งที่เป็นปกติของเบียร์ประเภทนี้คือมีรสหวานมากกว่าและไม่มีรสขม และความคงตัวของมันก็เข้มข้นและเข้มข้นกว่าเครื่องดื่มที่ทำให้มึนเมาแบบดั้งเดิม

เบียร์เอลไอริชหลากหลายชนิด

เครื่องดื่มดังกล่าวได้รับความนิยมในหมู่ผู้คนมากจนคงจะแปลกหากสูตรของมันยังคงเป็นสูตรเดียวและไม่เปลี่ยนแปลง ไม่นานหลังจากนั้นของจริงแบบดั้งเดิมซึ่งโดยวิธีการเทลงโดยไม่มีแรงกดดันจากด้านบนไม่เหมือน เบียร์ปกติและพันธุ์อื่นๆตามมา ในหมู่พวกเขาควรสังเกตเบียร์เอลไอริชสีเข้ม นี่คือกินเนสส์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ร้านนี้ตั้งชื่อตามผู้ก่อตั้งซึ่งเป็นผู้ประกอบการในดับลิน และประสบความสำเร็จมาแล้ว สีกาแฟด้วยการเติมเมล็ดข้าวบาร์เลย์คั่วและมอลต์คาราเมล เรียกอีกอย่างว่าลูกหาบที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษแม้ว่าจะมีแอลกอฮอล์ประมาณ 7% ก็ตาม Kilkenny ซึ่งเป็นเบียร์เอลแดงของชาวไอริชก็เป็นที่นิยมเช่นกัน มีรสชาติเข้มข้นและมีสีทับทิมเข้มข้น ได้ชื่อมาจากเมืองเล็กๆ ในไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์เซนต์ฟรานซิส พระในท้องถิ่นผลิตเบียร์นี้มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ความแรงของเครื่องดื่มคือประมาณ 4% และได้สีที่น่าสนใจโดยการเพิ่ม ปริมาณน้อยคาราเมลมอลต์แปรรูปพิเศษ

เบียร์ไอริชในทวีปยุโรป

ในประเทศเหล่านั้นที่ประเพณีการผลิตเบียร์มีรากฐานมาจากอดีตอันไกลโพ้น การทำเบียร์ก็เป็นเรื่องปกติเช่นกัน ท้ายที่สุดแล้ว การใช้ฮ็อพถือเป็นนวัตกรรมของชาวเยอรมัน ในเบลเยียม พระสงฆ์ในคณะ Trappist เข้ากันได้ดีหากไม่มีพระสงฆ์ตั้งแต่ยุคกลางตอนต้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ผลิตเบียร์ก็เริ่มทำการทดลอง โดยเติมฮ็อพ ข้าวบาร์เลย์ และ มอลต์ข้าวสาลียีสต์และแม้แต่น้ำผลไม้ นี่คือลักษณะของเบียร์หลากหลายชนิดเช่น Rhenish Kölsch (light เครื่องดื่มฟอง). Altbier (แปลตามตัวอักษรว่า "เบียร์เก่า") ก็ได้รับความนิยมอย่างมากในเยอรมนีเช่นกัน ผลิตในเมืองดุสเซลดอร์ฟ เบลเยียมสามารถเกลี้ยกล่อมด้วยเบียร์ได้แม้กระทั่งผู้ที่อ้างว่าพวกเขาทนไม่ได้กับเครื่องดื่มนี้ ต้องลอง "Scream" และ "Trappist Fathers", "Double" และ "Triple" เท่านั้น โดยมีกลิ่นหอมของราสเบอร์รี่ กล้วย เชอร์รี่...

เอลในรัสเซีย

ในดินแดนอัลไตในหมู่บ้าน Bochkari เบียร์ไอริชเพิ่งเริ่มผลิตเช่นกัน รีวิวจากผู้ที่ได้ลองใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้กล่าวว่าเครื่องดื่มของรัสเซียมีความคล้ายคลึงกับต้นฉบับ จิบแรกให้ความรู้สึกผิด ๆ เกี่ยวกับรสขม แต่ตั้งแต่วินาทีแรกความอิ่มก็เผยออกมา ความหวานของคาราเมล. กลิ่นหอมครีมท๊อฟฟี่ สีคอปเปอร์-แอมเบอร์ ฟองไม่เยอะจนเกินไป ในตอนท้ายไม่มีความขมขื่น มีเพียงรสชาติของเมล็ดข้าวคั่วเพียงเล็กน้อยเท่านั้น รีวิวอ้างว่าเบียร์นี้ดื่มง่าย มันให้ความรู้สึกโดยรวมของเครื่องดื่มหมักในระดับปานกลาง นี่คือสิ่งที่เป็น - เบียร์รัสเซียชื่อ "ไอริชเอล" กี่องศาคะ? ปริมาณแอลกอฮอล์ค่อนข้างชัดเจน - 6.7 เปอร์เซ็นต์

เอล (แปลจากภาษาอินโด - ยูโรเปียนว่า "มึนเมา") เป็นเบียร์ประเภทหนึ่งที่โดดเด่นด้วยรสชาติผลไม้ละเอียดอ่อนและมีปริมาณแอลกอฮอล์สูง (3-12%) สูตรอาหารแรกปรากฏในอังกฤษในศตวรรษที่ 15 แต่ชาวสุเมเรียนโบราณทำเครื่องดื่มที่คล้ายคลึงกันเมื่อหลายศตวรรษก่อนคริสต์ศักราช ในยุคกลาง เครื่องดื่มถือเป็นสินค้าจำเป็น ต่างจากนมตรงที่ไม่ทำให้เสียและไม่ต้องการ เงื่อนไขพิเศษพื้นที่จัดเก็บ ขอบคุณ ปริมาณแคลอรี่สูงเบียร์หนึ่งแก้วมาแทนที่ขนมปังส่วนหนึ่ง

ลักษณะเฉพาะ.คลาสสิคเอลแตกต่างจากเบียร์ทั่วไปตรงที่ไม่มีฮ็อปในสูตร ด้วยเหตุนี้จึงปรุงอาหารได้เร็วขึ้นและสังเกตได้จากโทนสีหวานที่เด่นชัด ช่อดอกไม้ที่มีรสชาติประกอบด้วยสมุนไพรและเครื่องเทศ ซึ่งต้มในสาโทแทนฮ็อพ สินค้าสำเร็จรูปไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์หรือการกรองเพิ่มเติม

ผู้ผลิตเบียร์สมัยใหม่มักละเลยประเพณีโบราณ โดยเติมฮอปลงในเอลเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของตนเรียกว่าเบียร์

อื่น ความแตกต่างพื้นฐานเอลจากที่อื่น เทคโนโลยีเบียร์การผลิต. เบียร์เอลเตรียมโดยการหมักด้านบนที่อุณหภูมิ 15-24°C ยีสต์จะไม่จมลงในระหว่างการชง เช่นเดียวกับเบียร์ประเภทอื่นๆ ส่วนใหญ่ แต่ยังคงอยู่ด้านบนจนเกิดเป็นฟอง ในระหว่างการหมักขั้นบน จะมีเอสเทอร์และแอลกอฮอล์จำนวนมากปรากฏขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดรสชาติที่เด่นชัดและกลิ่นหอมเฉพาะ ขั้นตอนสุดท้ายคือการบ่มและบ่มเบียร์เอลในห้องเย็นที่มีอุณหภูมิ 11-12°C

โดยเฉลี่ยแล้วจะใช้เวลาประมาณ 4 สัปดาห์ในการได้รับส่วนที่สดใหม่ ซึ่งเป็นพันธุ์ที่รวดเร็วและมักมีจำหน่ายในนั้น สถานประกอบการดื่ม. แต่มีพันธุ์ที่ใช้เวลาประมาณ 4 เดือนในการสร้าง

ประเภทของเอล

เบียร์เอลอังกฤษและไอริชแบ่งประเภทตามสี รสชาติ กลิ่น และสารเติมแต่งที่ใช้ในอาหารเรียกน้ำย่อย มีพันธุ์ค่อนข้างมาก ดังนั้นเราจะตั้งชื่อเฉพาะพันธุ์ที่พบมากที่สุดเท่านั้น

ไวน์ข้าวบาร์เลย์ - แตกต่าง เนื้อหาที่เพิ่มขึ้นแอลกอฮอล์ (8.5-12%) และความหนาแน่นของสาโทสูง - 22.5-30% เบียร์ชนิดนี้เรียกอีกอย่างว่า "ไวน์ข้าวบาร์เลย์" กลิ่นผลไม้ผสมผสานกับความขมขื่นของมอลต์ทำให้เครื่องดื่ม รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์. สีของ Barley Vine มีสีเข้ม มีกลิ่นทองและทองแดงเล็กน้อย เสิร์ฟเบียร์ข้าวบาร์เลย์ในแก้วไวน์ เครื่องดื่มเก็บได้ดีและนุ่มลงหลังจากอายุมากขึ้น

ข้าวสาลี (Weizen Weisse) เป็นเบียร์เบา ๆ ที่มีกลิ่นผลไม้และดอกไม้ปานกลาง บางครั้งอาจมีกลิ่นข้าวสาลีอยู่บ้าง ขนมปังสด. มีฟางสีอ่อนหรือสีทองเข้ม

Porter - เดิมทีสร้างขึ้นสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานหนัก แรงงานทางกายภาพ. ชื่อเต็มคือ "Porter's ale" - เบียร์สำหรับคนทำงานท่าเรือ มีความแตกต่าง จำนวนมากสารเติมแต่ง ได้แก่ เครื่องเทศ สมุนไพร สารอะโรมาติกต่างๆ สีของลูกหาบจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสารเติมแต่งที่ใช้และอาจมีทั้งสีอ่อน สีทอง หรือสีเข้มก็ได้ มีการใช้มอลต์หลายประเภทในการเตรียม ซึ่งช่วยให้คุณปรับเปลี่ยนได้ รสชาติ. ความแข็งแกร่ง - 4.5-7%

สเตาต์เป็นทายาทสายมืดของลูกหาบ มอลต์คั่วถูกนำมาใช้ในการผลิต ซึ่งทำให้ได้สีที่หลากหลายและมีกลิ่นกาแฟเล็กน้อย เป็นเวลานานเบียร์ประเภทนี้ถือว่าดีต่อสุขภาพและแนะนำสำหรับสตรีมีครรภ์และให้นมบุตร

ไวท์ (ไวส์เซ่) – ความหลากหลายของแสงมีรสเปรี้ยว เป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศเยอรมนี ซึ่งได้รับชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า "เบอร์ลิน" มีกลิ่นผลไม้เล็กน้อยที่เข้มข้นขึ้นตามอายุ สี-ฟางอ่อน. ในผับเยอรมันบางแห่งจะเสิร์ฟพร้อมน้ำเชื่อม

ขมขื่น - ถือเป็นความหลากหลายระดับชาติโดยชอบธรรม เบียร์อังกฤษ. แม้จะมีชื่อ แต่ก็ไม่ได้ขมมากเมื่อเทียบกับพันธุ์อื่น มีการใช้ฮ็อพในการผลิตซึ่งให้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์แม้ว่าจะไม่มีน้ำตาลเลยก็ตาม จานสีมีความหลากหลายและมีตั้งแต่สีเหลืองอ่อนไปจนถึงทองแดงเข้ม ค่าเอบีวี 3–6.5%

Lambic ถือเป็นเบียร์เบลเยี่ยมแบบดั้งเดิมซึ่งมีการเพิ่มราสเบอร์รี่และเชอร์รี่ซึ่งให้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และมีสีแดง

Mild (MILD) - เบียร์ที่เบาที่สุด ความแข็งแกร่งของมันใกล้เคียงกับ kvass ของรัสเซียและอยู่ที่ 2.5-3.5 องศา มันมีรสชาติมอลต์เด่นชัด พวกเขาผลิตสองสายพันธุ์ - ซอฟท์เอลอ่อนและดาร์ก

คุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ของเบียร์

เชื่อกันมานานแล้วว่าเอลเป็นคลังเก็บของ สารที่มีประโยชน์. จึงมีประเพณีหลายอย่าง ประเทศในยุโรปดื่มเบียร์ทุกครั้งที่มีโอกาส หากเป็นเอลที่ผลิตตาม เทคโนโลยีแบบดั้งเดิมจาก ส่วนผสมจากธรรมชาติ, ที่ เครื่องดื่มพร้อมประกอบด้วยวิตามิน B และ E ซีลีเนียม ฟอสฟอรัส แคลเซียมและโพแทสเซียม แมกนีเซียม อย่าลืมเกี่ยวกับความสูง คุณค่าทางโภชนาการ - ปริมาณแคลอรี่โดยเฉลี่ย 40 กิโลแคลอรีต่อ 100 กรัม

เอลยังมีชื่อเสียงในด้านคุณสมบัติต่อต้านความเครียดอีกด้วย เพียงแก้วเดียวในบริษัทที่น่ารื่นรมย์จะช่วยขจัดอาการซึมเศร้า คลายความตึงเครียดหลังจากสิ้นสุดวันทำงานหนัก และผ่อนคลาย นี่คือที่มา มีอารมณ์ดีโดยเฉพาะกับคนที่รัก

วิธีการดื่มเอล

มารยาทในการดื่มคลาสสิกเอลแตกต่างจากเบียร์ทั่วไปเล็กน้อย เครื่องดื่มไม่ทนต่อความยุ่งยาก ค่อยๆ เทลงไปที่ด้านข้างของแก้วเพื่อไม่ให้โฟมจำนวนมากโดดเด่น ซึ่งจะทำให้ความขมขื่นที่เป็นลักษณะเฉพาะหายไป บางครั้งขั้นตอนการเติมแก้วอาจใช้เวลาประมาณ 7 นาที

พวกเขาดื่มเอลช้าๆ แต่ก็ไม่ได้ลิ้มรสเช่นกัน เมื่อกระบวนการยืดเยื้อ “ขนมปังเหลว” จะมอดลงและสูญเสียรสชาติไป จังหวะการต้อนรับก็เหมือนกับการขี่ม้าสบายๆ มีประเพณีที่ดื่มเอลโดยจิบสามครั้งโดยหยุดพักสั้นๆ แต่วันนี้พิธีกรรมนี้ไม่เป็นที่นิยม

อุณหภูมิในการเสิร์ฟเบียร์อยู่ที่ 6-12°C อย่าให้ความร้อนหรือแช่แข็งเครื่องดื่ม มิฉะนั้นจะทำให้กลิ่น สี และรสชาติหายไป อย่างไรก็ตามชาวอังกฤษมีความคิดเห็นที่แตกต่างในเรื่องนี้ - พวกเขาดื่มเบียร์ดำอุ่นเครื่อง แต่ไม่ใช่สำหรับทุกคน ประเพณีไหนที่ต้องปฏิบัติตาม - ตัดสินใจด้วยตัวเอง เชื่อกันว่าไลท์เอลเช่นเบียร์จะดื่มได้ดีกว่าในฤดูร้อน และดาร์กเอลก็เหมาะสำหรับช่วงเย็นของฤดูหนาวที่ยาวนาน

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เบียร์เป็นเครื่องดื่มสากลที่คุณสามารถมีช่วงเวลาที่ดีกับเพื่อนที่ดี กำจัดความเครียด และรับความสุขอย่างแท้จริง รสชาติหวานอมขมแบบคลาสสิกจะช่วยให้คุณลืมความกังวลของวันที่ผ่านมา และลิ้มรสความสุขของการพักผ่อนยามเย็น

Dark ale คือเบียร์รสเข้มข้นที่ชงด้วย ข้าวบาร์เลย์มอลต์และ ส่วนผสมสมุนไพรวิธีการหมักชั้นนำ เครื่องดื่มนี้มีลักษณะเด่นชัด กลิ่นผลไม้และรสชาติที่ผสมผสานความหวานและ ความขมขื่นเล็กน้อย. เบียร์เอลยอดนิยม ได้แก่ ลูกหาบและสเตาท์

ปัจจุบัน เบียร์ดาร์กเอลผลิตในสกอตแลนด์ ไอร์แลนด์ และเบลเยียม แต่ละคนมีลักษณะเฉพาะของตัวเองทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเทศต้นทาง

เบียร์ดำไอริช

เบียร์ดาร์กเอลไอริชเป็นเครื่องดื่มที่มีความเข้มข้นและในขณะเดียวกันก็มีรสชาติไวน์ที่เด่นชัดและ กลิ่นคาราเมล. มันถูกต้มจากสาโทที่มีความหนาแน่นสูง เบียร์นี้มีเอกลักษณ์เฉพาะด้วยสีทับทิมที่เข้มข้นและ เนื้อหาสูงแอลกอฮอล์ซึ่งไม่ทำให้เสียรสชาติ

ดาร์กเอลเบลเยี่ยม

เบลเยียมถือเป็นเมืองหลวงแห่งหนึ่งของการผลิตเบียร์ดังนั้นเมื่อพูดถึงเบียร์คงไม่มีใครพลาดที่จะพูดถึงดาร์กเอลเบลเยี่ยม ที่นี่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยสำนักสงฆ์และอีกหลายแห่ง สูตรดั้งเดิมยังคงพบเห็นในการผลิตเอลมาจนทุกวันนี้

เบียร์นี้มีรสหวานค้างอยู่ในคอ เช่นเดียวกับกลิ่นผลไม้ รสเผ็ด และคาราเมล สีของเครื่องดื่มมีตั้งแต่สีเหลืองอำพันเข้มไปจนถึงสีน้ำตาลเข้ม เมื่อรินดาร์กเอลเบลเยี่ยมลงในแก้ว จะมีโฟมเข้มข้นก่อตัวขึ้น

ดาร์กเอลสก็อตแลนด์

เบียร์อีกประเภทหนึ่งคือดาร์กเอลสก็อตซึ่งผลิตในภาคเหนือของราชอาณาจักร มีสีเข้มเข้มข้นมาก มีกลิ่นมอลต์เด่นชัดและมีกลิ่นหอมพร้อมโน๊ตของควันและคั่ว เครื่องดื่มนี้มีรสชาติคล้ายกับรสขมของอังกฤษ - นอกจากนี้ยังมีกลิ่นไม้และความเปรี้ยวเล็กน้อย

สก็อตติชเอลมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน มีหลายประเภท:

• แสง - ปริมาณแอลกอฮอล์ 3-4%
• หนัก - ปริมาณแอลกอฮอล์ 4-5%
• ส่งออก - ปริมาณแอลกอฮอล์ 5.5-6%
• Strong Scotch Ale - ปริมาณแอลกอฮอล์ 6-8%

ลองดาร์กเอลของแท้และเพลิดเพลินไปกับรสชาติที่เข้มข้นและ รสชาติเข้มข้นคุณสามารถเยี่ยมชมร้านอาหารเบียร์เฉพาะทาง เช่น Kriek บราสเซอรี่

เครื่องดื่มเช่นเบียร์เป็นที่นิยมไปทั่วโลก ทำโดยการหมักธัญพืชและยีสต์ เครื่องดื่มที่ทำให้มึนเมามีหลายประเภท แต่หลายประเภทแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม - เบียร์และลาเกอร์ คำว่า "เบียร์" มักถูกแทนที่ด้วยคำว่า "เบียร์" มากกว่า

เบียร์ไอริชและเบียร์: แตกต่างกันอย่างไร?

ความแตกต่างระหว่างเครื่องดื่มทั้งสองชนิดนี้คือเตรียมโดยใช้วิธีการที่แตกต่างกัน (วิธีการเตรียม) และการหมักยีสต์ ก่อนหน้านี้เอลไม่มีฮ็อป แต่ปัจจุบันผู้ผลิตส่วนใหญ่เพิ่มเข้าไป

ความแตกต่างระหว่างเบียร์กับเบียร์คืออะไร? ? ความแตกต่างอยู่ที่วิธีการหมักยีสต์ในถัง: เอลใช้ยีสต์ที่สะสมที่ด้านบน ในขณะที่เบียร์ใช้ยีสต์ที่หมักที่ด้านล่าง

การผลิตเบียร์และเบียร์เริ่มต้นในลักษณะเดียวกัน - ยีสต์ของผู้ผลิตเบียร์จะถูกเติมลงในข้าวบาร์เลย์แห้งหรือเมล็ดพืชประเภทอื่น ๆ ส่งผลให้เกิดกระบวนการหมัก เมื่อทำเบียร์ การหมักจะเกิดขึ้นเร็วขึ้น เครื่องดื่มจะเข้มข้นกว่าและอยู่ได้ไม่นานเท่าเบียร์

กระบวนการหมักเบียร์จะดำเนินการที่อุณหภูมิสูงกว่า ใช้ยีสต์ที่มีปริมาณเอนไซม์สูง ยีสต์ขึ้นด้านบนเหมือนเอนไซม์เบียร์ ทำให้เกิดฟองที่ด้านบนของถังเบียร์ อุณหภูมิที่ต้องการคือ 60 ถึง 75 องศาฟาเรนไฮต์ เบียร์คลาสสิกจะถูกหมักที่อุณหภูมิต่ำกว่า โดยใช้ยีสต์ประเภทอื่นที่ใช้ในการหมัก เงื่อนไขที่เหมาะสม. เป็นผลให้ยีสต์ตกตะกอนที่ด้านล่าง การหมักจะเกิดขึ้นช้ากว่า เบียร์จึงอยู่ได้นานกว่าเบียร์เอล โดยทั่วไปอายุการเก็บรักษาของเบียร์จะถูกจำกัดไว้เพียงไม่กี่สัปดาห์ และเบียร์จะถูกจำกัดไว้เป็นเวลาหลายเดือน

นอกจากนี้เครื่องดื่มทั้งสองนี้มีรสชาติต่างกัน ในเบียร์จะสว่างกว่า เข้มข้นกว่า และมีฮอป นอกจากนี้ก็มักจะมีปริมาณแอลกอฮอล์ที่สูงกว่าอีกด้วย เบียร์มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่ฉุนเท่าฮอป

อีกทั้งยังมีความนิยมที่แตกต่างกันไปตามภูมิภาคต่างๆ เอลพบได้ในเบลเยียม เกาะอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และแคนาดา เบียร์คลาสสิกเป็นที่นิยมในเยอรมนีและประเทศอื่นๆ ในยุโรป

เบียร์ประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุด: อันไหน?

เครื่องดื่มนี้มีหลายประเภทและวันนี้เราจะมาเล่าให้คุณฟังถึงความนิยมและเป็นที่ต้องการมากที่สุด บางทีคุณอาจมีโอกาสลองโดยไปที่ประเทศใดประเทศหนึ่งข้างต้น เนื่องจากเป็นการยากที่จะหาเบียร์ในร้านของเรา:

เบียร์ขม (ขม) -สำหรับผู้ที่ชื่นชอบ รสชาติคลาสสิก. สามารถแตกต่างจากประเภทอื่น ๆ ได้ด้วยรสขมความแรงของเครื่องดื่มอาจแตกต่างกันไปตั้งแต่ 3 ถึง 6-7% มันมีฮ็อพ ด้วยการเติมสีคาราเมลคุณจึงสามารถหาเบียร์ที่มีเฉดสีต่างกันลดราคาได้ทั้งสีอ่อนและสีเข้ม

ข้าวบาร์เลย์ (ไวน์ข้าวบาร์เลย์)- แข็งแกร่งกว่ามากเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าปริมาณแอลกอฮอล์สามารถเข้าถึงได้ 12% เครื่องดื่มจะดึงดูดผู้ที่ชื่นชอบรสชาติและกลิ่นหอมของผลไม้ พวกเขาดื่มเอลนี้ในแก้วไวน์

ทำจากข้าวสาลี (Weizen Weisse) -สามารถรับรู้ได้ด้วยเฉดสีอ่อนและผสมผสานกลิ่นหอมของผลไม้และพืช เบียร์เอลรสชาติค่อนข้างนุ่ม

อ่อน-อ่อนนุ่ม, เครื่องดื่มเบาๆโดยมีปริมาณแอลกอฮอล์น้อยที่สุด (ประมาณ 3%) มีกลิ่นหอมของมอลต์ คุณสามารถซื้อรุ่นสว่างหรือสีเข้มได้

อ้วน- คุณจะจดจำได้ด้วยสีคาราเมลสีเข้ม เครื่องดื่มประกอบด้วยมอลต์ไหม้ เครื่องดื่มนั้นดีต่อสุขภาพและมีปริมาณมาก สารอาหาร,ผ่อนคลายและสงบได้ เนื้อหาขั้นต่ำแอลกอฮอล์

พอร์เตอร์- คุณสามารถรู้จักเบียร์เอลชนิดนี้ได้ด้วยกลิ่นสมุนไพร มีความแรงเฉลี่ยสูงถึง 6-7% สีอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ

วิธีการเสิร์ฟเบียร์?

เราคุ้นเคยกับการดื่มเบียร์คลาสสิกแช่เย็น Elies มักจะเสิร์ฟแบบไม่แช่เย็น อุณหภูมิห้อง. แต่อย่างไรก็ตามทั้งหมดขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่องดื่มบางพันธุ์ยังคงเย็นลงก่อนเสิร์ฟ แนวโน้มทั่วไปก็คือยิ่งเบียร์เอลเบาลงเท่าไรก็ยิ่งเย็นลงเท่านั้น

อันไหนดีกว่า - เบียร์หรือเบียร์?

เป็นไปไม่ได้ที่จะพูดได้อย่างแน่นอนว่าเครื่องดื่มที่นำเสนอชนิดใดดีกว่า มันขึ้นอยู่กับนิสัยและรสนิยม หากคุณชอบกลิ่นฮอปที่สดใส ให้เลือกเบียร์เอล แต่ในพื้นที่ของเราจะไม่หาง่ายนัก